สอนอ่านกราฟหุ้นสำหรับมือใหม่ | เริ่มจากศูนย์จนเข้าใจพื้นฐานการวิเคราะห์เทคนิค

 สอนอ่านกราฟหุ้นสำหรับมือใหม่ | เริ่มจากศูนย์จนเข้าใจพื้นฐานการวิเคราะห์เทคนิค

สอนอ่านกราฟหุ้นสำหรับมือใหม่ เริ่มจากศูนย์

สำหรับผู้เริ่มต้นลงทุนในหุ้น “กราฟหุ้น” อาจดูซับซ้อนและเข้าใจยาก แต่ความจริงแล้ว การอ่านกราฟหุ้นเป็นทักษะพื้นฐานที่สำคัญมาก เพราะช่วยให้คุณรู้ว่า “ควรซื้อ-ขายเมื่อไร” และยังช่วยวิเคราะห์แนวโน้มของหุ้นที่คุณสนใจ

บทความนี้จะสอนตั้งแต่พื้นฐานของกราฟหุ้น จนถึงเทคนิคการอ่านกราฟเบื้องต้นสำหรับมือใหม่แบบเข้าใจง่าย ไม่ต้องมีพื้นฐานด้านการเงินมาก่อนก็อ่านได้!

กราฟหุ้น


🧩 กราฟหุ้นคืออะไร?

กราฟหุ้น (Stock Chart) คือ เครื่องมือที่ใช้แสดง “ราคาหุ้น” ในช่วงเวลาต่าง ๆ โดยจะบอกให้เห็นว่า ราคาขึ้นหรือลงในแต่ละวัน (หรือช่วงเวลา) อย่างไรบ้าง

จุดประสงค์ของการดูกราฟหุ้น:

  • ช่วยดู “แนวโน้ม” ของราคา

  • หาจุดเข้าซื้อ (Buy Point) และจุดขาย (Sell Point)

  • ช่วยประเมินจังหวะตลาด


📊 ประเภทของกราฟหุ้นพื้นฐานที่ควรรู้

1. กราฟเส้น (Line Chart)

  • ลักษณะ: เป็นเส้นโยงจุดราคาปิดในแต่ละวัน

  • เหมาะกับ: มือใหม่ ดูภาพรวมง่าย

  • ข้อดี: ดูแนวโน้มได้ง่าย เข้าใจเร็ว

2. กราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) ✅ แนะนำ

  • ลักษณะ: มี “ตัวแท่ง” สีเขียว/แดง แสดงราคาสูงสุด–ต่ำสุด เปิด–ปิด

  • เหมาะกับ: นักวิเคราะห์ และคนอยากจับจังหวะซื้อขาย

  • ข้อดี: บอกอารมณ์ตลาดได้ เช่น แรงซื้อ แรงขาย

3. กราฟแท่ง (Bar Chart)

  • คล้ายกราฟแท่งเทียน แต่ดูยากกว่าสำหรับมือใหม่ จึงไม่แนะนำในช่วงแรก


🔍 ส่วนประกอบของกราฟแท่งเทียน

  • ตัวแท่งเทียน (Body):

    • สีเขียว = ราคาปิด > ราคาเปิด (ราคาขึ้น)

    • สีแดง = ราคาปิด < ราคาเปิด (ราคาลง)

  • ไส้เทียน (Wick/Shadow):

    • ส่วนที่ยื่นออกจากแท่ง แสดงราคาสูงสุดและต่ำสุดของวันนั้น

ตัวอย่าง:

  • แท่งยาว สีเขียว = แรงซื้อเยอะ

  • แท่งแดงยาว = มีแรงขายหนัก


🧠 แนวคิดพื้นฐานในการอ่านกราฟหุ้น

1. ดูแนวโน้ม (Trend)

  • ขาขึ้น (Uptrend): ราคาสูงขึ้นเรื่อย ๆ

  • ขาลง (Downtrend): ราคาตกลงเรื่อย ๆ

  • แกว่งตัว (Sideway): ราคานิ่งๆ อยู่ในกรอบ

มือใหม่ควรลงทุนในหุ้นที่อยู่ใน “ขาขึ้น”


2. รู้จักแนวรับ–แนวต้าน (Support & Resistance)

  • แนวรับ (Support): ราคาที่มักจะไม่หลุดลงไปง่ายๆ — จุดเข้าซื้อ

  • แนวต้าน (Resistance): ราคาที่มักจะไม่ผ่านขึ้นไปง่ายๆ — จุดขายหรือพิจารณาขายทำกำไร


3. Volume (ปริมาณซื้อขาย)

  • ดูจากกราฟแถบด้านล่าง

  • Volume มากพร้อมราคาขึ้น = แรงซื้อจริงจัง

  • Volume มากพร้อมราคาลง = แรงขายแรง


📌 ตัวอย่างวิธีอ่านกราฟเบื้องต้น

ลองเปิดกราฟหุ้นตัวหนึ่งจากเว็บเช่น TradingView หรือ แอปของโบรกเกอร์

ขั้นตอน:

  1. เลือกดูแบบ “Candlestick Chart”

  2. ปรับ Time Frame เป็น “วัน” (1D)

  3. สังเกตแนวโน้มราคาย้อนหลัง 1-3 เดือน

  4. หาว่าราคาเคยหยุดที่จุดไหน (แนวรับ–แนวต้าน)

  5. ดู Volume ประกอบทุกจุดที่ราคาเปลี่ยนทิศ


🎯 อินดิเคเตอร์ง่าย ๆ ที่ควรรู้ (สำหรับมือใหม่)

1. เส้นค่าเฉลี่ย (Moving Average – MA)

  • MA5, MA10, MA50 = เส้นเฉลี่ยราคาย้อนหลัง 5, 10, 50 วัน

  • ถ้าราคาวิ่งอยู่เหนือเส้น MA = แนวโน้มดี

2. RSI (Relative Strength Index)

  • ค่าระหว่าง 0 – 100

  • RSI > 70 = หุ้นอาจ “ร้อนแรงเกินไป” (Overbought)

  • RSI < 30 = หุ้นอาจ “ถูกเทขายมากเกินไป” (Oversold)


🛑 สิ่งที่ไม่ควรทำเมื่ออ่านกราฟ

  • อย่าซื้อหุ้นเพราะเห็น “กราฟกำลังขึ้น” โดยไม่ดูพื้นฐานหรือข่าว

  • อย่าเทรดด้วยอารมณ์ อย่าตัดสินใจเพราะกลัวตกขบวน

  • อย่าพึ่งกราฟอย่างเดียว — ให้ใช้ควบคู่กับ “ข้อมูลพื้นฐานบริษัท” เสมอ


✅ สรุปสำหรับมือใหม่

หัวข้อ สิ่งที่ควรรู้
ประเภทกราฟ เริ่มจาก Candlestick
สิ่งที่ต้องดู แนวโน้ม, แนวรับ–แนวต้าน, Volume
อินดิเคเตอร์เบื้องต้น MA, RSI
เครื่องมือแนะนำ TradingView, Settrade, แอปโบรกเกอร์
คำเตือน อย่าตัดสินใจจากกราฟเพียงอย่างเดียว

🔗 ลิงก์แนะนำ

สำหรับมือใหม่ที่อยากศึกษาเพิ่มเติม:

วริศรา เกตุแก้ว

https://thaibox.wiki

จบการศึกษาด้านการเงินจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ และมีประสบการณ์ในด้านการวางแผนการเงินส่วนบุคคลกว่า 8 ปี เธอให้คำแนะนำด้านการลงทุน กองทุนรวม และการออมเงินสำหรับผู้เริ่มต้น ปัจจุบันดูแลบทความด้านการเงินสำหรับ Thaibox Money โดยเนื้อหาทั้งหมดจัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้และไม่ใช่คำแนะนำการลงทุนเฉพาะบุคคล

บทความน่าอ่านต่อ